การปรับปรุงโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปี 2560 หรือการปรับโครงสร้างภาษีปี 60 ที่เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2560 ที่ผ่านมา ส่งผลให้การจ่ายภาษีบุคคลธรรมดาประจำปีนี้ต่างไปจากเดิม โครงสร้างภาษีปี 2560 ที่ปรับจะทำให้จ่ายภาษีน้อยลงนั้น มาจากการเปลี่ยนแปลงตรงไหนบ้าง ลองมาดูกัน 1. หักค่าใช้จ่ายได้เพิ่มขึ้น 1. ผู้เงินได้จากเงินเดือน / ค่าจ้าง / ค่านายหน้า ฯลฯ (ตามมาตรา 40 (1) และ (2) แห่งประมวลรัษฎากร) เพิ่มการหักค่าใช้จ่ายเป็นร้อยละ 50 ของเงินได้แต่ไม่เกิน 100, 000 บาท จากเดิมร้อยละ 40 ของเงินได้แต่ไม่เกิน 60, 000 บาท 2. ผู้ที่มีเงินได้จากค่าแห่งกู๊ดวิลล์ ค่าแห่งลิขสิทธิ์หรือสิทธิอย่างอื่น (อันเป็นเงินได้พึงประเมินตามมาตรา 40 (3) แห่งประมวลรัษฎากร) ให้หักค่าใช้จ่ายเป็ นการเหมาได้ร้อยละ 50 ของเงินได้ดังกล่าวแต่ไม่เกิน 100, 000 บาท หรือหักค่าใช้จ่ายตามความจำเป็นและสมควรได้ จากเดิมหักได้เฉพาะค่าลิขสิทธิ์ร้อยละ 40 แต่ไม่เกิน 60, 000 บาท หมายเหตุ กู๊ดวิลล์ หรือ ค่าความนิยม: ส่วนต่างของมูลค่าทางการบัญชีกับมูลค่าที่ซื้อขายจริง ซึ่งกิจการสามารถทำยอดขายได้เกินตามที่ได้ตั้งเป้าหมายไว้ หรือยอดเงินนั้นต่างจากมูลค่าในปัจจุบันมาก 2.
ในที่สุดประเทศไทยก็มีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้าง ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับ ปีภาษี 2560 อย่างเป็นทางการเสียที หลังจากใช้โครงสร้างภาษีเดิมมาตั้งแต่ปีภาษี 2535 หรือกว่า 25 ปีที่แล้ว จึงเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ครั้งนึงของประเทศไทยก็ว่าได้ เพื่อให้ผู้เสียภาษีอย่างเราสามารถเตรียมตัวรับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในปีภาษี 2560 นี้ ผมจึงขออนุญาตสรุปความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเป็น 2 ด้านดังนี้ ด้านลดภาระภาษี 1. เพิ่มค่าลดหย่อนส่วนตัวเป็น ฿60, 000 ผู้เสียภาษีจะได้รับสิทธิ ค่าลดหย่อนส่วนตัว เพิ่มขึ้นจาก ฿30, 000 เป็น ฿60, 000*1 2. เพิ่มค่าลดหย่อนคู่สมรสเป็น ฿60, 000 ผู้เสียภาษีจะได้รับสิทธิ ค่าลดหย่อนคู่สมรส เพิ่มขึ้นจาก ฿30, 000 เป็น ฿60, 000 *2 แต่ยังคงให้ลดหย่อนคู่สมรสได้เพียงคนเดียวเหมือนเดิม 3. เพิ่มค่าลดหย่อนบุตรเป็น ฿30, 000 ผู้เสียภาษีจะได้รับสิทธิ ค่าลดหย่อนบุตร เพิ่มขึ้นจาก ฿15, 000 เป็น ฿30, 000 แถมรอบนี้ยังสามารถลดหย่อนบุตรได้มากกว่า 3 คนอีกด้วย*3 แต่ถ้าเป็นการลดหย่อนบุตรที่เป็นบุตรบุญธรรมด้วยจะใช้สิทธิลดหย่อนรวมได้ไม่เกิน 3 คน 4. เพิ่มสิทธิ์หักค่าใช้จ่ายสำหรับเงินเดือน/ค่าจ้างทั่วไปเป็น ฿100, 000 ผู้เสียภาษีจะได้รับสิทธิหักค่าใช้จ่ายสำหรับเงินเดือน ( เงินได้ประเภทที่ 1) และค่าจ้างทั่วไป ( เงินได้ประเภทที่ 2) เพิ่มขึ้นจาก 40% แต่ไม่เกิน ฿60, 000 เป็น 50% แต่ไม่เกิน ฿100, 000 *4 5.
เพิ่มค่าลดหย่อนสำหรับผู้มีเงินได้ จากเดิม 30, 000 บาท เป็น 60, 000 บาท 2. เพิ่มค่าลดหย่อนสำหรับคู่สมรสของผู้มีเงินได้ จากเดิม 30, 000 บาท เป็น 60, 000 บาท 3. กรณีคู่สมรสต่างฝ่ายต่างมีเงินได้ ให้หักลดหย่อนรวมกันได้ไม่เกิน 120, 000 บาท 4. เพิ่มค่าลดหย่อนบุตรจากเดิมคนละ 15, 000 บาท (ไม่เกิน 3 คน) เป็นคนละ 30, 000 บาท ไม่จำกัดจำนวน 5. ยกเลิกค่าลดหย่อนการศึกษาบุตร จากเดิมให้หักลดหย่อนได้คนละ 2, 000 บาท 6. กองมรดกเดิมให้หักลดหย่อนได้ 30, 000 บาท เป็น 60, 000 บาท 7. ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่มิใช่นิติบุคคล เดิมให้หักลดหย่อนแก่หุ้นส่วนคนละ 30, 000 บาท แต่รวมกันต้องไม่เกิน 60, 000 บาท ปรับใหม่เป็นคนละ 60, 000 บาท แต่รวมกันต้องไม่เกิน 120, 000 บาท อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใหม่ นอกจากนี้ยังได้ปรับอัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาใหม่ โดยจากเดิมมีรายได้สุทธิ 4, 000, 001 บาทขึ้นไปต้องเสียภาษี 35% ปรับเป็นต้องมีรายได้สุทธิ 5, 000, 001 บาทขึ้นไป ดังนี้ ปรับปรุงเกณฑ์เงินได้พึงประเมินขั้นต่ำที่ผู้มีเงินได้ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษี 1. กรณีมีเงินได้จากการจ้างแรงงาน (เงินเดือน ค่าจ้าง) เพียงประเภทเดียว - หากผู้มีเงินได้เป็นโสด จากเดิมต้องยื่นแบบเมื่อมีเงินได้เกิน 50, 000 บาท ปรับเป็นต้องมีเงินได้เกิน 120, 000 บาท - หากผู้มีเงินได้มีคู่สมรส จากเดิมต้องยื่นแบบเมื่อมีเงินได้รวมกันเกิน 100, 000 บาท ปรับเป็นต้องมีเงินได้รวมกันเกิน 220, 000 บาท 2.
การปรับปรุงดังกล่าวข้างต้น ให้ใช้สำหรับเงินได้พึงประเมินของปีภาษี 2560 ที่จะต้องยื่นรายการใน พ. 2561 เป็นต้นไป การคำนวณภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ. ง. ด.
เพิ่มสิทธิ์หักค่าใช้จ่ายสำหรับค่าลิขสิทธิ์และค่า Royalty เป็น ฿100, 000 ผู้เสียภาษีจะได้รับสิทธิหักค่าใช้จ่ายแบบเหมาสำหรับค่าลิขสิทธิ์ รวมถึงค่า Royalty และค่า Goodwill เพิ่มขึ้นจาก 40% แต่ไม่เกิน ฿60, 000 เป็น 50% แต่ไม่เกิน ฿100, 000 หรือจะเลือก หักค่าใช้จ่ายตามจริง ก็สามารถทำได้แล้ว*5 6. เปลี่ยนเกณฑ์เงินได้ที่ต้องยื่นภาษีให้สูงขึ้น เกณฑ์เงินได้ที่ผู้มีเงินได้มีหน้าที่ต้อง ยื่นภาษี สูงขึ้นจากต้องมีเงินได้ตลอดทั้งปีเกิน ฿30, 000 (เฉลี่ยเดือนละ ฿2, 500) เป็นต้องมีเงินได้ตลอดทั้งปี เกิน ฿60, 000 (เฉลี่ยเดือนละ ฿5, 000) *6 แต่ถ้าเป็นกรณีที่มีเงินได้จากเงินเดือน ( เงินได้ประเภทที่ 1) เพียงทางเดียว เกณฑ์เงินได้ที่ผู้มีเงินได้มีหน้าที่ต้องยื่นภาษีสูงขึ้น จากต้องมีเงินได้ตลอดทั้งปีเกิน ฿50, 000 (เฉลี่ยเดือนละ ฿4, 166. 67) เป็นต้องมีเงินได้ตลอดทั้งปี เกิน ฿120, 000 (เฉลี่ยเดือนละ ฿10, 000) *7 7. ปรับเกณฑ์เงินได้สุทธิสำหรับอัตราภาษีขั้นบันไดสุดท้าย ผู้เสียภาษีที่มี อัตราภาษี สูงถึงขนาดต้องเสียภาษีในอัตรา 35% จากเดิมจะใช้กับเงินได้สุทธิส่วนที่เกิน ฿4, 000, 000 เป็นเงินได้สุทธิส่วนที่เกิน ฿5, 000, 000 *8 ด้านเพิ่มภาระภาษี 1.
ดร.
และกองทุนสงเคราะห์ครูโรงเรียนเอกชน แล้วไม่เกิน 500, 000 บาท ที่มา: พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 44) พ. 2560 พระราชกฤษฎีกาออกตามความในประมวลรัษฎากรว่าด้วยการกําหนดค่าใช้จ่ายที่ยอมให้หักจากเงินได้พึงประเมิน (ฉบับที่ 629) พ. 2560 กรมสรรพากร
10 บาทต่อลิตร เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล 8-10 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร จะเสียภาษีที่ 0. 30 บาทต่อลิตร เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล 10-14 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร จะเสียภาษีที่ 1 บาทต่อลิตร เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล 14-18 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร จะเสียภาษีที่ 3 บาทต่อลิตร ขณะที่เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเกิน 18 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร จะเสียภาษี 5 บาทต่อลิตร สำหรับอัตราภาษีความหวานระยะ 3 ซึ่งเริ่มใช้ 1 ตุลาคม 2565 - 30 กันยายน 2567 มีดังนี้ เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลไม่เกิน 6 กรัมต่อ 100 มิลลิลิตร ได้รับยกเว้นเก็บภาษี ส่วนเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล 6-8 กรัม ต่อ 100 มิลลิลิตร จะเสียภาษีเพิ่มเป็น 0.
ปรับเกณฑ์ขั้นต่ำของผู้ ต้องยื่นภาษีให้สูงขึ้น 1. มีรายได้จากเงินเดือน/ค่าจ้างอย่างเดียว โสด: ยื่นแบบเมื่อมีเงินได้เกิน 100, 000 บาท จากเดิม 50, 000 บาท สมรส: ยื่นแบบเมื่อมีเงินได้รวมกันเกิน 200, 000 บาท จากเดิม 100, 000 บาท 2. มีรายได้เฉพาะเงินได้ประเภทอื่น หรือรวมกับเงินเดือน/ค่าจ้าง โสด: ยื่นแบบเมื่อมีเงินได้เกิน 60, 000 บาท จากเดิม 30, 000 บาท สมรส: ยื่นแบบเมื่อมีเงินได้รวมกันเกิน 120, 000 บาท จากเดิม 60, 000 บาท 3. กองมรดกของผู้ตายที่ยังมิได้แบ่ง ยื่นแบบเมื่อมีเงินได้เกิน 60, 000 บาท จากเดิม 30, 000 บาท 4. ห้างหุ้นส่วนสามัญหรือคณะบุคคลที่ไม่ใช่นิติบุคคล โครงสร้างภาษีใหม่ที่เริ่มใช้ในปี 2560 ช่วยลดภาระประหยัดภาษีให้คนทำงานประจำ เพราะจากการคำนวณหากได้รับเงินเดือนไม่เกิน 26, 000 บาทก็ไม่ต้องเสียภาษี แต่ถ้าหากเงินเดือนสูงกว่านั้นก็ยังมีค่าลดหย่อนต่างๆ ที่เพิ่มขึ้น น่าจะช่วยให้ช่วงเวลาของการยื่นภาษีบุคคลธรรมดาตอนต้นปีหน้าคงทำให้ทุกคนพอจะยิ้มได้แน่นอน เรื่อง: กองบรรณาธิการ
sharebooklib.com, 2024