ฝนตกเป็นเวลาสามชั่วโมง What has a boy played since 3 o'clock? เด็กชายเล่นอะไร(แล้ว)ตั้งแต่ 3 โมง A boy has played football since 3 o'clock? When has she gone? หล่อนไปเมื่อไหร่ She's gone for 1 hour. หล่อนไปได้หนึ่งชั่วโมงแล้ว ยินดีต้อนรับทุกคนเข้าสู่ เว็บไซต์ "ภาษาอังกฤษออนไลน์" อันดับ 1 ของเมืองไทย แหล่งเรียนรู้บนโลกออนไลน์ ที่ทุกคนสามารถเรียนรู้ได้ และเก่งได้ด้วยตนเอง กล้ารับรองว่านี่คือคลังแห่งการเรียนรู้ภาษาอังกฤษที่ดีที่สุดในเมืองไทย
(ตลอดระยะเวลาคอร์ส) อัพเดทข้อสอบ New TOEIC ใหม่ล่าสุด! ครบชุด! มีไฟล์ E-Book (PDF) ประกอบการเรียนให้ดาวน์โหลด (และมีหนังสือเรียนเป็นเล่มส่งให้ถึงบ้าน) เรียนเวลาไหนก็ได้ อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ แค่มี Internet หากมีข้อสงสัยเกี่ยวกับบทเรียน สามารถส่งคำถามหาทีมงานได้ การันตีคะแนน 750+ (หากสอบแล้วไม่ถึง สามารถแจ้งทวนคอร์สได้ฟรี! ) ทดลองติว TOEIC ฟรีได้ที่ >>> คอร์ส KruDew TOEIC
Passive voice: Rice was eaten by me. 6. โครงสร้างประโยค Past Continuous tense แบบ passive Subject (ประธาน) + was, were + being + verb (คำกริยา) ช่องที่ 3 [+ by …] Active voice: I was eating rice. Passive voice: Rice was being eaten by me. 7. โครงสร้างประโยค Past Perfect tense แบบ passive Subject (ประธาน) + had + been + verb (คำกริยา) ช่องที่ 3 [+ by …] 8. โครงสร้างประโยค Past Perfect Continuous tense แบบ passive Subject (ประธาน) + had + been + being + verb (คำกริยา) ช่องที่ 3 [+ by …] Active voice: I had been eating rice. Passive voice: Rice had been being eaten by me. 9. โครงสร้างประโยค Future Simple tense แบบ passive Subject (ประธาน) + will + be + verb (คำกริยา) ช่องที่ 3 [+ by …] Active voice: I will eat rice. Passive voice: Rice will be eaten by me. 10. โครงสร้างประโยค Future Continuous tense แบบ passive Subject (ประธาน) + will + be + being + verb (คำกริยา) ช่องที่ 3 [+ by …] Active voice: I will be eating rice. Passive voice: Rice will be being eaten by me. 11. โครงสร้างประโยค Future Perfect tense แบบ passive Subject (ประธาน) + will + have + been + verb (คำกริยา) ช่องที่ 3 [+ by …] Active voice: I will have eaten rice.
= ฉันเคยทำงานที่นี่ตั้งแต่ปีที่แล้ว - I have not seen Emma since the last time we met. = ฉันไม่ได้เจอเอ็มม่ามาตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เราเจอกัน 3. ใช้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ที่ดำเนินมาช่วงเวลาหนึ่ง และเพิ่งจบลง - Emma has just finished her homework. = เอ็มม่าเพิ่งจะทำการบ้านเสร็จพอดี - I have finished my work. = ฉันทำงานเสร็จแล้ว - I have washed the car. = ฉันล้างรถเสร็จแล้ว 4. ใช้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต ที่ดำเนินมาช่วงเวลาหนึ่ง และเพิ่งจบลง แต่ผลของเหตุการณ์นั้น ยังส่งผลต่อปัจจุบัน - He has failed the midterm exam. = เขาสอบมิดเทอมไม่ผ่าน (ส่งผลต่อปัจจุบันคือ เขาอาจกำลังเสียใจ เป็นต้น) - They have had an accident. = พวกเขาเคยประสบอุบัติเหตุ (ส่งผลต่อปัจจุบันคือ พวกเขาอาจจะยังไม่หายดี ยังบาดเจ็บ เป็นต้น) 5. ใช้เล่าถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต แต่ระบุเวลาที่เกิดขึ้นแน่นอนไม่ได้ - I have lost my bag. = ฉันทำกระเป๋าหาย - I have met him before. = ฉันเคยเจอเขามาก่อน - She's got your letter. = เธอได้รับจดหมายของคุณแล้ว เป็นยังไงกันบ้างคะเพื่อนๆ พอจะเข้าใจเกี่ยวกับโครงสร้างและหลักการใช้ของ Present perfect tense กันแล้วใช่ไหมคะ Related Posts (บทความที่คนส่วนมากอ่านต่อ) Comment and Shared
(Passive): was/were + being + V. ต้องมี เพราะฉะนั้นเลยต้องเติม being ลงไปด้วย และไม่ต้องผันเป็นอดีต เพราะข้างหน้า (was/were) ผันไปแล้ว Past Perfect (Passive): had been + V. 3 *ผัน V. 3 คือ been แล้วค่อยตามด้วย V. 3 ของ Passive Future Simple (Passive): will be + V. 3 *แค่เพิ่ม be + V. 3 ไปตามหลัง will ที่ใช้ be เพราะตามหลัง will ต้องใช้ V. ไม่ผัน (ของ V. to be ก็คือ be) Future Con. (Passive): will be + being + V. ต้องมี เพราะฉะนั้นเลยต้องเติม being ลงไปด้วย Future Perfect (Passive): will have been + V. 3 **อีก 3 tense ที่ไม่ได้พูดถึงนั้น จะไม่นิยมใช้ในรูป Passive นะคะ สรุปหลักการผันโครงสร้าง Passive - ต้อง keep โครงสร้างเดิมไว้ด้วย - ต่อท้ายเพิ่มโครงสร้าง Passive โดยถ้าต้องผัน จะผันที่ V. to be แทน (V. 3 ข้างหลังไม่ต้องแตะค่ะ) เชื่อว่าหลายคนยังไม่ค่อยเข้าใจแน่ๆ ถ้าอย่างนั้นเราไปดูตัวอย่างประโยคทั้ง Active และ Passive Voice กันค่ะ ✤ตัวอย่าง Active-Passive Voice✤ Past Simple (Active): V. 2 - We completed the project ahead of schedule. - The project was completed ahead of schedule. *มี was มาแทน V. 2 Future Simple (Active): will + V. 1 - They will deliver the new furniture on Monday.
haven't forgot B. hasn't forgotten C. hasn't forgot D. haven't forgotten 10] My father _____ to Bangkok before. It's his first time to go there. hasn't never driven B. have ever driven C. has ever driven D. has never driven และนี่คือการใช้ Present Perfect Tense เพียงเล็กๆน้อยๆที่เราได้เรียนรู้ในวันนี้นะครับ หวังว่าผู้อ่านที่น่ารัก คงจะพอเข้าใจอยู่บ้าง เห็นไหมครับว่า ภาษาอังกฤษไม่ได้ยากเลย เพียงแค่เราขยันอ่าน ขยันจำ ขยันทำความเข้าใจ อ้อ! และที่สำคัญอย่าลืมนำไปใช้ในชีวิตประจำวันด้วยนะครับ เฉลย แบบทดสอบ Present Perfect Tense 1. (B) hasn't arrived 2. (C) just 3. (A) been 4. (D) Have 5. (B) yet 6. (C) has lost 7. (C) has been / since 8. (B) have you eaten 9. (D) haven't forgotten 10. (D) has never driven ติดตามบทความดีดีที่ให้ความรู้แบบนี้อีกมากมาย ที่นี่ แล้วพบกันใหม่นะครับ สวัสดี ครับบบบบบบบบบบบ!!! บทความ/รูปภาพโดยผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี!
หล่อนคงจะดูหนังเสร็จวันตอนบ่ายวันจันทร์ He will have played football at 6pm. เขาคงจะเล่นฟุตบอลเสร็จตอน 6 โมงเย็น They will have studied at 4pm. พวกเขาคงจะเรียนเสร็จตอน 4 โมงเย็น 4. Future Perfect Continuous Tense คือ ใช้กับเหตุการณ์ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต และจะยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง Future Perfect Continuous Tense โครงสร้าง: S + will have been + บทสรุป 12 Tense ในการใช้ภาษาอังกฤษนอกเหนือจากการที่รู้คำศัพท์ที่หลากหลายแล้ว การศึกษาเรื่อง Tense หรือ Grammar ให้เกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้นั้น ก็ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อที่จะทำให้เราสามารถใช้ภาษาอังกฤษในการเรียน การสอบ และการศึกษาที่ถูกต้อง ซึ่งจะเป็นพื้นฐานในการใช้ชีวิตในอนาคตได้
( เขาอาศัยอยู่ในกรุงเทพฯตั้งแต่ปี ค. 1990 ใช่หรือไม่) -Yes, he has. -No, he hasn't. หลักการใช้ Present Perfect Tense 1. ใช้กับเหตุการณ์หรือการกระทำที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต และเหตุการณ์นั้นยังคงต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน เช่น Somchai has studied English for 5 years. ( สมชายเรียนภาษาอังกฤษมา 5 ปีแล้ว ขณะนี้ก็ยังเรียนอยู่) I have worked in this company since 1990. ( ฉันทำงานในบริษัทนี้ตั้งแต่ปี 1990 ขณะนี้ก็ยังทำอยู่) 2. ใช้กับเหตุการณ์ที่เคยหรือไม่เคยทำในอดีต ซึ่งมิได้บ่งบอกเวลาที่แน่นอนเอาไว้ และมักจะมีคำวิเศษณ์ คือ ever, never, once, twice มาใช้ร่วมเสมอ เช่น – I have never seen him before. ( ฉันไม่เคยเห็นเข้ามาก่อน) – Have you ever been abroad? ( คุณเคยไปต่างประเทศหรือเปล่า) – She has been to Bangkok twice. ( หล่อนเคยไปกรุงเทพฯ 2 ครั้ง) 3. ใช้กับเหตุการณ์ที่เพิ่งสิ้นสุด ส่วนใหญ่จะมี กริยาวิเศษณ์ (adverbs) just, already อยู่ด้วย เช่น Have you had (eaten) breakfast? คุณรับประทานอาหารเช้าหรือยัง Yes, I have just had my breakfast. ครับ ผมเพิ่งรับประทานอาหารเช้ามา He has already done his homework.
sharebooklib.com, 2024