กลุ่มแรก คือ กลุ่มที่มีอาการผิดปกติทางตา ได้แก่ ตามัว โดยเฉพาะบริเวณกลางภาพ หรือมัวเป็นซีกคล้ายม่านมาบัง เห็นจุดดำลอยไปมา เห็นแสงคล้ายฟ้าแลบในตา เห็นภาพบิดเบี้ยว กลุ่มที่สอง คือ กลุ่มที่มีความเสี่ยงสูงกว่าคนทั่วไป โดยกลุ่มนี้อาจไม่มีอาการผิดปกติทางตาเลย แต่มีความจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจตา ได้แก่ มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันสูง อายุมากกว่า 50 ปีขึ้นไป สายตาสั้นมาก ทารกคลอดก่อนกำหนด มีประวัติโรคจอตา ที่ถ่ายทอดทางพันธุกรรม ประสบอุบัติเหตุที่ลูกตา รับประทานยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์ หรือ Chloroquine ควรตรวจจอตาบ่อยแค่ไหน? ในกลุ่มที่ไม่มีความผิดปกติ และไม่มีความเสี่ยงอื่น ๆ แนะนำขยายม่านตาเพื่อตรวจจอตาอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง แต่หากมีโรคหรือมีความผิดปกติที่จอตา ความถี่ในการตรวจจะขึ้นอยู่กับความรุนแรง และความเร่งด่วนในการรักษา ซึ่งจักษุแพทย์ผู้ตรวจรักษา จะนัดตามมาตรฐาน และตามความเหมาะสมต่อไป Readers Rating Rated 5 stars 5 / 5 ( 1 Reviewers) Spectacular
มีงานวิจัยทั้งในไทย และ ต่างประเทศ ได้พิสูจน์แล้วว่า การทานลูทีนและซีแซนทีน ช่วยทำให้การสีการมองเห็นในตาชัดขึ้น หากทานก่อนมีอาการจอตาเสื่อมจะช่วยปกป้องดวงตา หรือ ยืดอายุการใช้งานดวงตาให้นานขึ้นได้ อ่านเพิ่มเติม เกี่ยวกับ > [งานวิจัย] ลูทีน กับ โรคจอประสาทตาเสื่อม ทานลูทีนและซีแซนทีน 10 mg/วัน ช่วยป้องกันโรคจอประสาทตาเสื่อม ทานลูทีนและซีแซนทีน 20 mg/วัน ช่วยฟื้นฟูโรคจอประสาทตาเสื่อม แหล่งข้อมูล Age-Related Macular Degeneration แนะนำอาหารเสริมฟื้นฟูดวงตาจากงานวิจัย Herbitia Lutein ที่มีสารสกัดเข้มข้นจากอิตาลี บทความสุขภาพ จากงานวิจัยต่างๆ ทั่วโลก สำหรับผู้คนอายุ 30+
เห็นจุดดำลอยไปมาจำนวนมาก 2. เห็นเหมือนแสงแฟลช 3. ตามัวลง 4. เห็นเหมือนมีม่านมาบังที่ด้านใดด้านหนึ่งของตา เนื่องจากคนที่มีสายตาสั้นส่วนมากจะมีจอประสาทตาบาง และประมาณ 25% ของผู้ที่มีจอประสาทตาบาง จะมีรูฉีกขาดที่จอประสาทตา ดังนั้น หนึ่งในขั้นตอนการตรวจก่อนทำเลสิคที่สำคัญ คือ การหยอดยาขยายม่านตาเพื่อตรวจดูจอประสาทตาโดยละเอียด หากพบว่ามีรูรั่วหรือรอยฉีกขาดที่จอประสาทตา จักษุแพทย์จะทำการยิงเลเซอร์ล้อมรอบรูรั่วหรือรอยฉีกขาด และจะนัดตรวจติดตามหลังเลเซอร์อีกครั้งภายใน 2-4 สัปดาห์ ถ้าหากตรวจแล้วพบว่ารอยเลเซอร์ที่จอประสาทตาแข็งแรงดี จึงจะแนะนำให้ทำเลสิกได้
เบาหวานเกิดจากความผิดปกติเกี่ยวกับการเผาผลาญน้ำตาลในร่างกาย ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ ส่งผลต่อระบบเส้นเลือดต่างๆในร่างกาย เช่น ที่ตา ไต และระบบประสาท เบาหวานขึ้นจอประสาทตา เกิดจากการที่ร่างกาย มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเป็นเวลานาน ทำให้เกิดพยาธิสภาพผนังเส้นเลือดฝอยที่ตาเกิดอุดตัน โป่งพอง รั่วซึม มีจุดเลือดออก จอประสาทตาบวม มีเส้นเลือดงอกใหม่และเกิดพังผืดดึงรั้งที่จอประสาทตา จนทำให้ตาบอดได้ แบ่งเป็น 2 ระยะดังนี้ 1. ระยะเริ่มต้น ตรวจพบความผิดปกติของจอประสาทตาโดยมีผนังเส้นเลือดโป่งพอง ต่อมามีจุดเลือดออก มีการรั่วซึมของสารไลโปโปรตีน เส้นใยประสาทตาขาดเลือดมาเลี้ยง อาจพบจอประสาทตาบวมน้ำได้ 2. ระยะรุนแรง ตรวจพบมีเส้นเลือดใหม่ ซึ่งจะเปราะบางและแตกง่าย ทำให้เลือดออกในน้ำวุ้นตา อาจพบพังผืดดึงรั้งจอประสาทตาเกิดการฉีกขาดและหลุดลอก ทำให้ผู้ป่วยมีระดับการมองเห็นลดลงหรือตาบอดในที่สุด ถ้ามีเส้นเลือดงอกใหม่ที่ม่านตา จะเกิดการอุดตันทางระบายน้ำในช่องหน้าม่านตา ทำให้ความดันตาสูงขึ้น เกิดต้อหินชนิดหลอดเลือดงอกใหม่ซึ่งรักษาได้ยาก และเป็นสาเหตุของตาบอดได้อีกด้วย การรักษา 1. การรักษาด้วยยา โดยเน้นการรักษาโรคประจำตัวของผู้ป่วย ผู้ป่วยจำเป็นต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ระดับไขมันในเส้นเลือด และความดันโลหิต ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ เพื่อป้องกันและควบคุมไม่ให้โรคเบาหวานขึ้นจอตาลุกลามมากขึ้น 2.
การรักษาด้วยยา เป็นการรักษาวิธีใหม่โดยการฉีดยาเข้าวุ้นตา ยามีคุณสมบัติลดการรั่วของหลอดเลือดและทำให้หลอดเลือดที่เกิดใหม่ฝ่อลง ยาที่ใช้ในปัจจุบันมี 2 กลุ่ม คือ ยาสเตียรอยด์และยาต้านการสร้างหลอดเลือดใหม่ (Anti-vascalar endothelial growth factor) การรักษาโดยวิธีนี้ได้ผลค่อนข้างดีแต่ฤทธิ์ของยาอยู่ได้ไม่นาน จึงต้องฉีดยาซ้ำเป็นระยะ และมีโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดสภาวะแทรกซ้อนจากการฉีดยาเข้าวุ้นตา ได้แก่ การอักเสบติดเชื้อ เลือดออกในวุ้นตา และการเกิดจอตาลอก ซึ่งมีโอกาสเกิดน้อยกว่าร้องละ 1 นอกจากนั้น ยาสเตียรอยด์ยังสามารถทำให้เกิดต้อกระจกและต้อหินในผู้ป่วยบางรายได้ 3. การรักษาด้วยการผ่าตัด ผู้ป่วยที่มีเลือดออกในวุ้นตาส่วนใหญ่เลือดจะถูกดูดซึมหมดไปเองในระยะเวลา 2-3 เดือน ในรายที่เลือดไม่ถูกดูดซึมหมดไปหรือมีจอตาลอกจากพังผืดดึงรั้ง การผ่าตัดวุ้นตาอาจช่วยป้องกันไม่ให้โรคลุกลาม และสามารถซ่อมแซมจอตาที่ลอกให้กลับเข้าที่เดิม แต่การมองเห็นอาจไม่กลับมาเป็นปกติ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคในผู้ป่วยแต่ละราย ศูนย์จักษุ โรงพยาบาลธนบุรี บทความที่เกี่ยวข้อง ดวงตา Meibomian gland dysfunction/ต่อมน้ำตาทำงานผิดปกติ ภาวะผิดปกติของเปลือกตา โรคตาแห้ง (DRY EYE) โรคโซเกร็น หรือ โรคปากแห้ง ตาแห้ง โรคเบาหวาน
sharebooklib.com, 2024